ประมวลกฎหมายอาญา-ฉบับอิเล็กทรอนิกส์

ประมวลกฎหมายอาญา ฉบับอิเล็กทรอนิกส์

ประมวลกฎหมายอาญา ฉบับอิเล็กทรอนิกนี้ ปรับปรุง แก้ไข เพิ่มเติมความถูกต้องของเนื้อหาอย่างสม่ำเสมอ และยังคิดค้นพัฒนา นำเทคโนโลยีมาใช้ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีผู้ใช้ให้เกิดประโยชน์กับสังคมต่อไป 

หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา

หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เปลี่ยนคำขอโทษเป็นเงินสด

  สื่อออนไลน์ต่างๆ ที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก บางท่านใช้งานอย่างสนุกสนายจนลืมไปว่า มีกฎหมายคุ้มครองการใช้งานอยู่หลายประการ สิ่งพื้นฐานที่ทุกคนควรรู้ และ สำนึกในความรับผิดชอบและใช้งานอย่างมีขอบเขต

  กฎหมายที่เกี่ยวข้องมากที่สุดคือ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ,มาตรา 328 และ มาตรา 393

แต่หากผู้เสียหายไปแจ้งความกล่าวหาโดยมีเจตนาการกลั่นแกล้งแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ ก็อาจจะถูกดำเนินคดีกลับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 ได้เช่นกัน

ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส

ประมาททำให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส

ถ้าคุณขับรถโดยประมาทและทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส
ผมขอแนะนำให้คุณทำดังนี้ แล้วจะช่วยบรรเทาผลร้ายที่จะเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี
1. ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บอย่างสุดความสามารถ
2. โทรเรียกประกัน โทรเรียกตำรวจ รวบรวมพยานหลักฐาน ถ่ายภาพเก็บไว้
3. ระหว่างที่ผู้บาดเจ็บยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ให้คุณไปเยี่ยมเยียนถามอาการอย่างใกล้ชิด
4. เยียวยาผู้เสียหายในเบื้องต้น
ถ้าคุณนิ่งเฉย หนีหาย เตรียมรับคดีทั้งทางแพ่ง และทางอาญา

ฉ้อโกง

ฉ้อโกง

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑ ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งและโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง หรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามทำ ถอนหรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

หมิ่นประมาทใน-Facebook

กรณี เป็น หรือ ไม่เป็น “หมิ่นประมาท” ทั้งทาง Facebook หรือทางอื่น

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖ ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

เขียนหมายเลขทะเบียนรถผู้อื่นมาใช้-มีความผิด

เขียนหมายเลขทะเบียนรถของผู้อื่น แล้วนำไปใช้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ : 317 / 2521 :
จำเลยเขียนหมายเลขทะเบียนรถจักรยานยนต์ของผู้อื่นลงไว้ที่แผ่นเหล็กท้ายรถจักรยานยนต์คันของกลางแม้จำเลยจะเขียนหมายเลขดังกล่าวด้วยตนเองโดยมีลักษณะขนาดตัวหนังสือและตัวเลขไม่เหมือนกับป้ายหมายเลขทะเบียนที่แท้จริง ซึ่งทางราชการกรมตำรวจจัดทำขึ้นก็ตามแต่เมื่อจำเลยกระทำด้วยเจตนาทำเทียมเพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง และโดยลักษณะที่อาจจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนแล้วการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการและเมื่อจำเลยได้ใช้รถจักรยานยนต์ของกลางที่ติดป้ายหมายเลขทะเบียนปลอมที่จำเลยทำขึ้นดังกล่าวขับขี่ไปจนถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมได้ จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอมด้วย

ต้องรับผิด-เมื่อ-ประมาท

กรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท

ในประมวลกฎหมายอาญา มีบัญญัติไว้ 7 มาตรา ที่เอาผิดผู้ที่กระทำโดยประมาท ได้แก่ มาตรา 205, มาตรา 225, มาตรา 239, มาตรา 291, มาตรา 300, มาตรา 311, มาตรา 390 เป็นองค์ประกอบภายใน ที่ผู้กระทำ ไม่มีเจตนาที่จะกระทำความผิด แต่กฎหมาย เอาผิด

ไม่มีเจตนา ก็ต้องรับผิด
“ถ้าคุณพิสูจน์ได้ว่า คุณไม่ได้ประมาท คุณก็พ้นผิด”
==================
แล้วความประมาท คืออะไร
==================
“กระทำโดยประมาท ได้แก่กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่”
(ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรคสี่)

– ทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท
– ผู้คุมประมาททำให้ผู้ถูกคุมขังหลุด
– เจือสารพิษลงในอาหารหรือน้ำ
– ทำสิ่งที่น่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตราย
– ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

ฉ้อโกงประชาชน

ฉ้อโกงประชาชน โทษหนักขึ้น แถมยอมความไม่ได้

กระทำความผิดฐานฉ้อโกงมาตรา 343 นี้เป็นเหตุที่ทำให้ต้องรับโทษหนักขึ้นอีกเหตุหนึ่งเช่นเดียวกับมาตรา 342 ดังนี้จึงต้องมีองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา 341 ครบถ้วนเสียก่อนและมีเหตุในมาตรานี้เพิ่มขึ้นมาจึงจะต้องรับโทษหนักขึ้น

ความผิดเกี่ยวกับศพ

ความผิดเกี่ยวกับศพ

การกระทําชําเราศพ การกระทํา
อนาจารแก่ศพ การกระทําให้ศพเสียหาย และการดูหมิ่นเหยียดหยามศพ เป็นการละเมิดต่อสิทธิของบุคคล
ในครอบครัว เกียรติยศ และชื่อเสียง กฎหมายจึงบัญญัติให้ผู้กระทำมีความผิด

ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์

ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์

– สิทธิในทรัพย์เป็นสิ่งที่กฎหมายให้ความคุ้มครอง การเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นถือเป็นความผิดที่ผู้กระทำต้องรับโทษ

– การลักทรัพย์ของผู้อื่นโดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้าเป็นความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ต้องระวางโทษหนักขึ้นกว่าการลักทรัพย์โดยทั่วไป

– ความผิดฐานกรรโชกและรีดเอาทรัพย์เป็นความผิดลักษณะผสมระหว่างความผิดต่อเสรีภาพและความผิดต่อทรัพย์เป็นการข่มขืนใจผู้อื่นให้เขายอมให้ประโยชน์ในทางทรัพย์สินโดยการใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะทำอันตราย

– ความผิดฐานชิงทรัพย์เป็นรูปแบบหนึ่งของความผิดฐานลักทรัพย์ซึ่งมีการใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายร่างกายด้วย ทำให้ความผิดมีลักษณะร้ายแรงขึ้น

– ความผิดฐานปล้นทรัพย์เป็นรูปแบบหนึ่งของความผิดฐานชิงทรัพย์ซึ่งมีผู้ร่วมกระทำความผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปเป็นความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่มีลักษณะร้ายแรงที่สุด

– ความผิดฐานฉ้อโกงเป็นการประทุษร้ายต่อทรัพย์โดยที่เจ้าของทรัพย์ไม่ยินยอมส่งมอบให้ โดยผู้กระทำผิดมิได้แย่งการครอบครอง หากแต่เจ้าของส่งมอบให้เพราะถูกผู้กระทำผิดหลอกลวง

– ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ มีความมุ่งหมายเพื่อคุ้มครองการบังคับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ เพื่อมิให้ลูกหนี้ทำการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินของตน หรือทำความเสียหายแก่หลักประกันในการชำระหนี้

– ความผิดฐานยักยอกส่วนมากจะเกิดจากความไว้เนื้อเชื่อใจของเจ้าทรัพย์ที่ส่งมอบทรัพย์ให้คนอื่นครอบครองแทนและผู้ครอบครองกลับเบียดบังเอาทรัพย์นั้นไป

– ความผิดฐานฉ้อโกง ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ และความผิดฐานยักยอกมักจะมีลักษณะเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างผู้กระทำความผิดกับเจ้าของทรัพย์ กฎหมายจึงกำหนดให้เป็นความผิดอันอาจยอมความได้

ความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพและชื่อเสียง

ความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพและชื่อเสียง

– มนุษย์ทุกคนย่อมต้องการเสรีภาพไม่ว่าจะเป็นเสรีภาพในการที่จะกระทำหรือไม่กระทำการใด หรือเสรีภาพในการเคลื่อนไหวร่างกาย ตลอดจนเสรีภาพในการเลือกที่อยู่โดยไม่ถูกจำกัด ร่วมทั้งเสรีภาพในการที่จะไม่ต้องตกเป็นทาสใคร ซึ่งเสรีภาพของบุคคลนั้นถือว่าเป็นสิทธิมนุษยชนอย่างหนึ่งที่กำหนดศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ รัฐจึงต้องบัญญัติกฎหมายขึ้นเพื่อคุ้มครองเสรีภาพของบุคคล โดยผู้ที่ฝ่าฝืนย่อมมีความผิด

– เนื่องจากเด็กหรือผู้เยาว์เป็นผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ จึงต้องอยู่ในความดูแลของบิดามารดา ผู้ปกครองซึ่งจะเป็นผู้กำหนดที่อยู่ของบุตรหรือผู้อยู่ใต้อำนาจปกครองด้วย การเอาเด็กหรือผู้เยาว์ไปจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลย่อมเป็นการละเมิดอำนาจปกครองของบิดามารดา หรือผู้ปกครองยิ่งเอาไปโดยทุจริตหรือเพื่อหากำไรหรือเพื่อการอนาจารก็ย่อมเป็นภัยต่อเด็กและผู้เยาว์นั้นด้วย ผู้กระทำจึงมีความผิด

– การเลือกถิ่นที่อยู่ของบุคคลในราชอาณาจักรย่อมได้รับความคุ้มครองโดยกฎหมายการเนรเทศบุคคลไปนอกราชอาณาจักรต้องกระทำตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้เท่านั้น การพาหรือส่งคนออกไปนอกราชอาณาจักรโดยวิธีการที่มิชอบจึงเป็นความผิด

– ความลับของบุคคลที่ปกปิดในการสื่อสารถึงกันก็ดี ในการอื่นก็ดี ตลอดจนความลับเกี่ยวกับอุตสาหกรรม การค้นพบ หรือการนิมิตรในวิทยาศาสตร์ก็ดี หากเปิดเผยหรือล่วงรู้แก่บุคคลอื่นอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของความลับหรือผู้อื่น กฎหมายจึงต้องลงโทษผู้กระทำ

– การใส่ความผู้อื่นก็ดี ใส่ความผู้ตายก็ดี ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด ย่อมเป็นการล่วงละเมิดสิทธิของผู้อื่น เพราะบุคคลมีสิทธิตามกฎหมายในการรักษาชื่อเสียงเกียรติคุณของเขาไว้ การทำให้เขาต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงเกียรติคุณถือว่าเป็นความผิดกฎหมายจึงต้องลงโทษผู้กระทำเช่นกัน

ความผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย

ความผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย

– ชีวิตของบุคคลย่อมเป็นที่หวงแหนแก่ผู้เป็นเจ้าของยิ่งกว่าทรัพย์สิน ถ้าหากบุคคลปราศจากความปลอดภัยในชีวิต ความสงบสุขในสังคมย่อมจะมีไม่ได้ นอกจากนี้ชีวิตของบุคคลย่อมมีความสำคัญต่อประเทศชาติทั้งในด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงกฎหมายจึงต้องให้ความคุ้มครอง

– ความผิดต่อชีวิตอาจเกิดจากการกระทำโดยเจตนา การกระทำโดยไม่เจตนา การกระทำโดยประมาท การกระทำอันเป็นเหตุให้ผู้อื่นฆ่าตนเองหรือพยายามฆ่าตนเองหรือการเข้าร่วมชุลมุนต่อสู้เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย กฎหมายกำหนดอัตราโทษไว้หนักเบาแตกต่างกันตามลักษณะของการกระทำความผิด

– ความปลอดภัยในร่างกายและจิตใจของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครองโดยกฎหมาย การทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจเป็นความผิดและถ้าผลแห่งการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสกฎหมายกำหนดโทษหนักขึ้น

– การเข้าร่วมชุลมุนต่อสู้กันถือว่าเป็นภัยต่อสังคมดังนั้นถ้ามีการเข้าร่วมชุลมุนต่อสู้กันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป เป็นเหตุให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดทั้งที่เข้าร่วมชุลมุนต่อสู้หรือไม่ได้เข้าร่วมชุลมุนต่อสู้ได้รับอันตรายสาหัสกฎหมายกำหนดโทษแก่ผู้เข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้นั้นทุกคนนอกจากเข้าข้อยกเว้นที่กฎหมายกำหนดไว้

– การกระทำโดยประมาทบางกรณีมีผลกระทบต่อความปลอดภัยในร่างกายของบุคคลดังนั้นการที่บุคคลใดกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสกฎหมายจึงกำหนดโทษไว้ด้วย

ความผิดเกี่ยวกับเพศ

ความผิดเกี่ยวกับเพศ

– การกระทำชำเราผู้อื่นจะเป็นความผิดเมื่อผู้อื่นไม่สมัครใจเย็นยอมให้กระทำและผู้กระทำอาจต้องรับโทษหนักขึ้น หรือยอมความได้ในกรณีที่มีกฎหมายบัญญัติไว้ในเรื่องนั้นๆโดยเฉพาะ

– การกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี เป็นความผิดที่ยอมความไม่ได้ ไม่ว่าเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่

– การกระทำอนาจารแก่หญิงหรือชายอายุเกินกว่า 15 ปี จะเป็นความผิดถ้าบุคคลนั้นไม่ยินยอมให้กระทำแต่การกระทำอนาจารกับเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ย่อมเป็นความผิดเสมอไม่ว่าเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่

– การเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาชายหรือหญิงหรือเด็กไปเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่นหรือเพื่อการอนาจารเป็นความผิด ไม่ว่าผู้นั้นจะยินยอมหรือไม่ กฎหมายลงโทษทั้งผู้กระทำ ผู้สนับสนุนการกระทำดังกล่าวและผู้รับตัวชายหรือหญิงหรือเด็กนั้นไว้

– การพาบุคคลอายุเกินกว่า 15 ปีแต่ยังไม่เกิน 18 ปีไป หรือพาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไป แม้ผู้นั้นจะยินยอมหรือพาผู้อื่นที่ไม่ยินยอมไป เพื่อการอนาจารเป็นความผิด กฎหมายลงโทษทั้งผู้พาและผู้ซ่อนเร้นบุคคลหรือเด็กหรือผู้อื่นนั้น

– บุคคลอายุเกินกว่า 16 ปีดำรงชีพอยู่จากรายได้ของผู้ซึ่งค้าประเวณีย่อมมีความผิด เว้นแต่ได้รับการเลี้ยงดูจากผู้นั้นตามกฎหมาย หรือตามธรรมจรรยา

– การผลิต การค้า การทำให้แพร่หลาย การโฆษณา หรือการกระทำอื่นๆ แก่วัตถุหรือสิ่งลามก อาจเป็นความผิด ถ้าได้กระทำเพื่อการค้า การแจกจ่าย การแสดงอวดแก่ประชาชนหรือเพื่อช่วยทำให้แพร่หลายซึ่งวัตถุหรือสิ่งลามกดังกล่าว

ความผิดเกี่ยวกับการค้า

ความผิดเกี่ยวกับการค้า

– การใช้หรือมีไว้ซึ่งเครื่องชั่งเครื่องตวงหรือเครื่องวัดที่ผิดอัตราจะเป็นความผิดก็ต่อเมื่อกระทำเพื่อเอาเปรียบในการค้า แต่การมีเครื่องเช่นว่านั้นไว้เพื่อขายก็ผิดเช่นกัน แม้ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ากระทำเพื่อเอาเปรียบในการค้า

– การขายของโดยหลอกลวงนั้นต้องเป็นการหลอกให้หลงเชื่อในเรื่องแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ หรือปริมาณของของที่ขายเท่านั้น และต้องไม่ถึงขนาดเป็นความผิดฐานฉ้อโกง

– การเอาเปรียบในทางการค้าอาจทำโดยหลอกลวงให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าหรือการค้าหรือสถานการค้าของผู้อื่น หรือโดยไขข่าวแพร่หลายข้อความเท็จเพื่อให้เสียความเชื่อถือในกิจการ

– การปลอมหรือเลียนเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นนั้น จะเป็นความผิดได้ก็ต่อเมื่อ เป็นเครื่องหมายการค้าที่ได้จดทะเบียนแล้ว

– การนําเข้ามาในราชอาณาจักรจำหน่ายหรือเสนอจำหน่ายสินค้าที่มีชื่อ รูป รอยประดิษฐ์ หรือข้อความในทางการค้าหรือเครื่องหมายการค้าที่ปลอมหรือเลียนมา เป็นความผิดอาญา

ความผิดเกี่ยวกับการปลอมและการแปลง

ความผิดเกี่ยวกับการปลอมและการแปลง

– เงินตราเป็นวัตถุกลางเพื่อการแลกเปลี่ยนและการชำระหนี้โดยทั่วไปจึงมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐจะต้องตรากฎหมายขึ้นใช้บังคับโดยลงโทษผู้กระทำการอย่างใดๆ อันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวกับเงินตรานอกจากนี้พันธบัตรรัฐบาลก็เป็นเครื่องมือสำคัญที่รัฐจะหารายได้เพื่อจุนเจือการใช้จ่ายของประเทศถ้าผู้ใดฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมายเกี่ยวกับพันธบัตรรัฐบาลรัฐก็จำต้องลงโทษผู้นั้นเช่นเดียวกัน

– ดวงตรา รอยตราต่างๆ ของรัฐหรือของหน่วยงานของรัฐ พระปรมาภิไธยแสตมป์ ที่รัฐออกใช้และตั๋วที่จำหน่ายให้แก่ประชาชนทั่วไป ก็เป็นสิ่งที่รัฐจำต้องมีมาตรการลงโทษแก่ผู้ฝ่าฝืนกฎหมายเกี่ยวกับสิ่งดังกล่าวด้วยเช่นกัน

– เอกสารคือหลักฐานแห่งความหมายซึ่งบุคคลให้ความเชื่อถือและยอมรับนับถือให้เป็นพยานหลักฐานที่ดี รัฐจึงต้องลงโทษผู้ที่ทำการปลอมหรือกระทำการอย่างอื่นต่อเอกสารซึ่งกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด

– บัตรอิเล็กทรอนิกส์ มีบทบาทเกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจกรรมต่างๆของบุคคลในสังคมปัจจุบันค่อนข้างสูง บางกรณีเป็นวัตถุที่เป็นสื่อในการชำระหนี้จึงจำเป็นที่กฎหมายต้องให้ความคุ้มครองและลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมาย

– หนังสือเดินทางเป็นสิ่งสำคัญสำหรับบุคคลซึ่งใช้แสดงในการเดินทางระหว่างประเทศ การกระทำความผิดเกี่ยวกับหนังสือเดินทางบางกรณีอาจส่งผลกระทบถึงความมั่นคงของประเทศ รัฐจึงต้องลงโทษผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนังสือเดินทาง

ความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดภยันตรายต่อประชาชน

ความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดภยันตรายต่อประชาชน

– การวางเพลิงเผาทรัพย์เป็นการเผาทรัพย์ของผู้อื่นโดยเจตนา มิใช่เผาทรัพย์ของตนเองหรือที่ตนเองเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย หรือเผาทรัพย์ที่ไม่มีเจ้าของกฎหมายบัญญัติให้ผู้กระทำผิดต้องรับโทษหนักขึ้นในกรณีการวางเพลิงเผาทรัพย์ที่สำคัญอันหนึ่งแม้เพียงตระเตรียมการวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น ก็ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับความผิดฐานพยายามวางเพลิง

– การทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัตถุหรือทรัพย์ของตนเองหรือทรัพย์ไม่มีเจ้าของเป็นความผิดได้ หากการกระทำนั้นน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น

– การทำให้เกิดระเบิดจะเป็นความผิดก็ต่อเมื่อมีลักษณะน่าจะเป็นอันตรายแก่ผู้อื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น

– ผู้วางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่นหรือทำให้เกิดระเบิดต้องรับโทษหนักขึ้นหากจะทำให้ผู้อื่นตายหรือรับอันตรายสาหัสผู้วางเพลิงเผาทรัพย์หรือทำให้เกิดเพลิงไหม้วัตถุหรือทำให้เกิดระเบิดต้องระวางโทษน้อยลงหากกระทำต่อทรัพย์ที่มีราคาน้อยหรือการกระทำนั้นไม่น่าจะเป็นอันตรายแก่ผู้อื่น

– การทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทจะเป็นความผิดเมื่อเป็นเหตุให้ทรัพย์ของผู้อื่นเสียหายหรือน่าจะเป็นอันตรายแก่ชีวิตของผู้อื่น

ความผิดเกี่ยวกับความสงบสุขของประชาชน

ความผิดเกี่ยวกับความสงบสุขของประชาชน

– อังยี่ ได้แก่คณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย เมื่อบุคคลเป็นสมาชิกของอั้งยี่ ย่อมมีความผิดโดยไม่จำต้องมีการกระทำตามความมุ่งหมายนั้นแล้ว และจะต้องรับโทษหนักขึ้นถ้ามีตำแหน่งหน้าที่ในอั้งยี่นั้น

– การสมคบกันในความผิดอันเป็นซ่องโจรนั้น จะต้องมีการประชุมหารือระหว่างผู้ร่วมกระทำผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปและต้องมีการตกลงในการที่จะกระทำความผิดที่บัญญัติในประมวลกฎหมายอาญาภาค 2 ที่มีโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป มิใช่เพียงแต่มาประชุมหรือหารือกัน มิได้มีการตกลงหรือตกลงกันไม่ได้

– ผู้เข้าร่วมประชุมในที่ประชุมอั้งยี่หรือซ่องโจร มีความผิดฐานเป็นอั้งยี่หรือซ่องโจรด้วยแม้ว่าจะไม่ได้เป็นสมาชิกอังยี่หรือพรรคพวกซ่องโจรก็ตาม

– ผู้ที่ช่วยเหลือหรืออุปการะอังยี่หรือซ่องโจร โดยให้ทรัพย์หรือโดยประการอื่นจัดหาที่ประชุมหรือที่พำนักช่วยจำหน่ายทรัพย์ หรือชักชวนผู้อื่นให้เข้าเป็นสมาชิกอังยี่หรือพรรคพวกซ่องโจร แม้จะมิใช่สมาชิกอังยี่หรือพรรคพวกซ่องโจรก็ตาม ต้องระวางโทษในอัตราเดียวกันกับสมาชิกหรือพรรคพวกซ่องโจร

– สมาชิกอังยี่หรือพรรคพวกซ่องโจรต้องรับโทษในความผิดที่สมาชิกอั้งยี่หรือพรรคพวกซ่องโจรคนอื่นกระทำไปตามความมุ่งหมายของอั้งยี่หรือซ่องโจร แม้ว่าตนเองจะไม่ได้เป็นผู้กระทำผิดหรือร่วมกระทำความผิดนั้นก็ตาม

– การจัดหาที่พำนักที่ซ่อนเร้นหรือที่ประชุม ให้แก่ผู้กระทำผิดที่บัญญัติไว้ในมาตรา 2 ประมวลกฎหมายอาญา หากทำเป็นปกติธุระ เป็นความผิดอาญา

– การมั่วสุมจะเป็นความผิดต่อเมื่อ ได้ใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญ หรือทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองขึ้นแล้ว ลำพังแต่การมั่วสุมเพื่อการกระทำผิดยังไม่เป็นความผิด แต่หากเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้ว ไม่ยอมเลิก ก็เป็นความผิด แต่ต้องสั่งก่อนผู้ที่มั่วสุมจะลงมือใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง

ความผิดเกี่ยวกับศาสนา

ความผิดเกี่ยวกับศาสนา

ศาสนาเป็นสถาบันที่สำคัญของสังคม กฎหมายจึงต้องให้ความคุ้มครองแก่ศาสนาและให้ความคุ้มครองโดยเท่าเทียมกันทุกศาสนา แต่การคุ้มครองนี้เป็นการคุ้มครองแก่ตัวสถาบัน มิไช่คุ้มครองตัวบุคคลโดยเฉพาะ

ความผิดเกี่ยวกับการยุติธรรม

ความผิดเกี่ยวกับการยุติธรรม

– ในการอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนนั้น เจ้าพนักงานในการยุติธรรมมีส่วนอย่างสำคัญ ในการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างถูกต้องรวดเร็วเป็นธรรมและทั่วถึง

– เจ้าพนักงานในการยุติธรรม เป็นเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ในการอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชน การกระทำความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรมผู้กระทำผิดจึงต้องมีโทษต่างจากการกระทำผิดต่อเจ้าพนักงานอื่น

– เจ้าพนักงานในการยุติธรรม เป็นเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ในการอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนในด้านกฎหมายและการยุติธรรมอย่างเท่าเทียมกันและเป็นธรรม การที่เจ้าพนักงานในการยุติธรรมปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบจึงต้องมีโทษหนักกว่าเจ้าพนักงานอื่น

ความผิดเกี่ยวกับการปกครอง

ความผิดเกี่ยวกับการปกครอง

– เจ้าพนักงานเป็นบุคลากรที่มีความสำคัญยิ่งต่อการบริหารงานของรัฐ รัฐจึงต้องให้ความคุ้มครองแก่เจ้าพนักงานไว้เป็นพิเศษ เช่น บัญญัติถึงการลงโทษแก่ผู้ที่ดูหมิ่น ต่อสู้ขัดขวางให้สินบนแก่เจ้าพนักงาน

– โดยที่เจ้าพนักงานดังกล่าวนั้น กฎหมายได้ให้อำนาจในอันที่จะปฏิบัติตามหน้าที่ รัฐจึงจำเป็นต้องควบคุมหรือวางกรอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน มิให้ใช้อำนาจในทางที่ไม่ถูกไม่ควร โดยบัญญัติลงโทษแก่เจ้าพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือให้เกิดความเสียหาย

ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร

– กฎหมายให้ความคุ้มครองพระมหากษัตริย์ในฐานะเป็นองค์พระประมุขแห่งรัฐและคุ้มครองพระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในฐานะซึ่งมีความสำคัญยิ่งต่อความมั่นคงของประเทศกฎหมายจึงต้องให้ความคุ้มครองเป็นพิเศษเหนือกว่าบุคคลทั่วไป

– การคุกคามต่อความมั่นคงปลอดภัยของรัฐไม่ว่าการคุกคามนั้นจะมาจากภายในประเทศ เช่น การกบฏ หรือมาจากภายนอกประเทศ เช่น การเป็นกบฏ หรือการทำให้เอกราชของรัฐสูญสิ้น หรือเสื่อมไปกฎหมายจึงต้องบัญญัติเป็นความผิดเพื่อเป็นการคุ้มครองสวัสดิภาพของรัฐ

– กฎหมายจำต้องให้ความคุ้มครองเป็นพิเศษแก่ประมุขของรัฐต่างประเทศซึ่งมีสัมพันธไมตรีกับไทย และแก่ผู้แทนรัฐต่างประเทศที่มาประจำในราชสำนักเพื่อให้สัมพันธไมตรีกับมิตรประเทศดำเนินไปโดยราบรื่น

– การก่อการร้ายเป็นการกระทำที่รุนแรงของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลโดยมุ่งต่อผลทางจิตใจและพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ทางการเมือง ศาสนา หรือลัทธิหรืออุดมการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างอันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ กฎหมายจึงต้องบัญญัติเป็นความผิดเพื่อคุ้มครองรัฐและประชาชนของรัฐ