คำร้องขอหมายเรียกพยานบุคคล คดีแพ่ง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 106
ในกรณีที่คู่ความฝ่ายใดไม่สามารถนำพยานของตนมาศาลได้เอง คู่ความฝ่ายนั้นอาจขอต่อศาลก่อนวันสืบพยานให้ออกหมายเรียกพยานนั้นมาศาลได้ โดยศาลอาจให้คู่ความฝ่ายนั้นแถลงถึงความเกี่ยวพันของพยานกับข้อเท็จจริงในคดีอันจำเป็นที่จะต้องออกหมายเรียกพยานดังกล่าวด้วย และต้องส่งหมายเรียกพร้อมสำเนาคำแถลงของผู้ขอให้พยานรู้ล่วงหน้าอย่างน้อยสามวัน
หมายเรียกพยานต้องมีข้อความดังนี้
(๑) ชื่อและตำบลที่อยู่ของพยาน ชื่อคู่ความ ศาล และทนายความฝ่ายผู้ขอ
(๒) สถานที่และวันเวลาซึ่งพยานจะต้องไป
(๓) กำหนดโทษที่จะต้องรับในกรณีที่ไม่ไปตามหมายเรียกหรือเบิกความเท็จ
ถ้าศาลเห็นว่าพยานจะไม่สามารถเบิกความได้โดยมิได้ตระเตรียม ศาลจะจดแจ้งข้อเท็จจริงซึ่งพยานอาจถูกซักถามลงไว้ในหมายเรียกด้วยก็ได้
คำร้องขอหมายเรียกพยานบุคคล คดีแพ่ง
หลักการบรรยาย
- คดีอยู่ในขั้นตอนใด
- โจทก์หรือจำเลยไม่สามารถนำพยานบุคคลตามบัญชีระบุพยานฉบับลงวันที่เท่าไร พยานลำดับที่เท่าไร มาเบิกความเองได้
- ขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานบุคคลดังกล่าวมาเบิกความต่อศาล
ตัวอย่างการบรรยาย
ข้อ 1 คดีนี้ศาลนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 1 มกราคม 2558 เวลา 09.00 นาฬิกา
เนื่องจากพยานลำดับที่ 1 ตามบัญชีระบุพยานลงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2557 เป็นพยานบุคคล โจทก์ไม่สามารถนำพยานบุคคลดังกล่าวมาเบิกความเองได้ จึงจำเป็นต้องให้ศาลออกหมายเรียกพยานบุคคลดังกล่าวมาเบิกความต่อศาล
โจทก์จึงขอประทานกราบเรียนต่อศาล ขอได้โปรดออกหมายเรียกพยานบุคคลดังกล่าวเพื่อมาเบิกความในวันนัดด้วย โดยโจทก์ขอรับหมายเรียกพยานบุคคลดังกล่าวไปส่งด้วยตนเอง เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ขอศาลได้โปรดอนุญาต
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
______________________________
นับถอยหลัง สอบทนายความภาคทฤษฎี รุ่นที่ 63
กำหนดสอบวันที่ 4 สิงหาคม 2567
______________________________
[…] คำร้องขอหมายเรียกพยานบุคคล […]
ถ้าได้รับหมายศาล เรียกตัวไห้ไปเป็นพยานในศาล คำเตือนพยานก็บอกอยู่แล้ว ว่า >>
“ผู้ใดขัดขืนไม่ไปศาลตามหมายนี้ ศาลอาจออกหมายจับ เอาตัวกักขังไว้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 111(2) และผู้นั้นอาจถูกฟ้อง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 170 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้ใดเบิกความเท็จมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 หรือมาตรา 181 ต้องระวางโทษอย่างสูงจำคุกไม่เกิน 15 ปี และปรับไม่เกิน 300,000 บาท”