คลังข้อสอบเก่า เนติบัณฑิต

(อาญา สมัยที่ 60)

 

การสอบข้อเขียนความรู้ชั้นเนติบัณฑิต ภาคหนึ่ง สมัยที่ 60 ปีการศึกษา 2550
กฎหมายอาญา กฎหมายภาษีอากร กฎหมายแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน
กฎหมายรัฐธรรมนูญ และกฎหมายปกครอง

วันอาทิตย์ 30 กันยายน 2550

คำถาม 10 ข้อ ให้เวลาตอบ 4 ชั่วโมง (14.00 น. ถึง 18.00 น.) ให้ยกเหตุผลประกอบคำตอบด้วย

 


ข้อ 3.  คุณยังไม่ได้เข้าสู่ระบบ

ธงคำตอบ

คุณยังไม่ได้เข้าสู่ระบบ

คำอธิบาย

...

คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง


คำพิพากษาศาลฎีกาที่ : 433/2546
คำพิพากษาย่อสั้น
การฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หมายความว่า ก่อนทำการฆ่าผู้กระทำผิดได้คิดไตร่ตรองทบทวนแล้วจึงตกลงใจกระทำความผิด ไม่ใช่กระทำไปโดยปัจจุบันทันด่วนเพราะเมาสุราหรือบันดาลโทสะ การไตร่ตรองไว้ก่อนเป็นเหตุเกี่ยวกับเจตนาส่วนตัวของผู้กระทำผิด ผู้ร่วมกระทำผิดที่มิได้ไตร่ตรองไว้ก่อนไม่มีความผิดด้วยเพราะกฎหมายมุ่งถึงการไตร่ตรองไว้ก่อนซึ่งเป็นสภาพจิตใจของแต่ละคน การจะเป็นตัวการร่วมกันฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจึงต้องมีลักษณะเป็นการวางแผนการคบคิดกันมาแต่ต้นที่จะไปฆ่าผู้อื่น หรือด้วยการใช้จ้างวาน หรือไปดักฆ่าผู้อื่นโดยมีพฤติการณ์ร่วมกันมาแต่ต้น แต่การที่จำเลยที่ 1 ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายมาก่อน และเป็นญาติพี่น้องกับผู้ตาย ทั้งก่อนเกิดเหตุได้มีการดื่มสุรากันโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมวางแผนกับจำเลยที่ 2 มาก่อน การที่จำเลยที่ 1 ร่วมไปฆ่าผู้ตายจึงเป็นการตัดสินใจในทันทีทันใดลักษณะตกกระไดพลอยโจนมากกว่า ดังนี้ จำเลยที่ 1 คงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 เท่านั้นไม่เป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4)
คำพิพากษาย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91, 289, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ริบปลอกกระสุนปืนของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณานางสุธินี สิตะรุโน ภริยาผู้ตายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาตเฉพาะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 371, 83 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น จำคุกคนละ 20 ปี ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุกคนละ 6 เดือนฐานร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกคนละ 4 เดือน รวมจำคุกคนละ 20 ปี 10 เดือนคำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ 1 ในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 13 ปี 10 เดือน 20 วัน ริบปลอกกระสุนปืนของกลาง
จำเลยที่ 2 โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์
ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 9 จำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตาย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์และโจทก์ร่วมสำหรับจำเลยที่ 2 เป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(1) ให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2ออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์ภาค 9
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4), 83 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนให้ลงโทษประหารชีวิต จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52(1) ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ให้จำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ตลอดชีวิตและเมื่อลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ตลอดชีวิตแล้ว ก็ไม่อาจนำโทษจำคุกในความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืนมารวมได้อีกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3)รวมทุกกระทงให้จำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ตลอดชีวิต นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับนายธนิตหรือแนบและจำเลยที่ 2 ฆ่านายชุ่ม สิตะรุโน ผู้ตาย โดยนายธนิตหรือแนบ ธรรมโชติ เป็นคนใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงผู้ตาย สำหรับข้อหาความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองและพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตยุติแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับนายธนิตหรือแนบและจำเลยที่ 2 ฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ ได้ความจากพยานของโจทก์และโจทก์ร่วมว่า นายธนิตหรือแนบมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายมาก่อน โดยก่อนเกิดเหตุประมาณ 2 ปี ผู้ตายได้สร้างบ้านหลังที่เกิดเหตุเสร็จ นายธนิตหรือแนบต้องการรับจ้างทาสีบ้านให้ผู้ตายแต่ผู้ตายกลับไปจ้างผู้อื่นทาสี ทำให้นายธนิตหรือแนบไม่พอใจ ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่พอใจผู้ตายเนื่องจากจำเลยที่ 2 สมัครรับเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ตำบลทำนบ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา แข่งกับนายถวิล สังฆะโร ผู้ตายสนับสนุนนายถวิลแต่นายธนิตหรือแนบสนับสนุนจำเลยที่ 2 ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้เป็นผู้ใหญ่บ้านผู้ตายเคยพูดตำหนิว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ใหญ่บ้านขี้เมาวัน ๆ ดีแต่ดื่มสุราไม่คิดพัฒนาหมู่บ้าน นอกจากนี้เมื่อประมาณปลายเดือนมกราคม 2541 นายธนิตหรือแนบได้ชกต่อยนายถาวร มณีโชติ ญาติของผู้ตาย ผู้ตาบอกว่าหากเป็นผู้ตายจะไม่ยอม ถ้ามีอาวุธปืนก็จะยิง เหตุดังกล่าวเชื่อว่ามีส่วนทำให้นายธนิตหรือแนบและจำเลยที่ 2 ไม่พอใจ เพราะนายธนิตหรือแนบเป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นผู้ใหญ่บ้าน การกระทำของผู้ตายย่อมทำให้คนทั้งสองรู้สึกในทางที่ไม่ดีต่อผู้ตายนายชวก คงฆะ พยานโจทก์และโจทก์ร่วมเบิกความว่า เหตุการณ์เรื่องทาสีบ้านทำให้นายธนิตหรือแนบเสียหน้า ประกอบกับวันเกิดเหตุได้ความจากคำเบิกความของจำเลยที่ 1 เองว่า จำเลยที่ 1 นายธนิตหรือแนบและจำเลยที่ 2 ได้ดื่มสุราด้วยกันจนเมาสุราจึงทำให้คิดจะไปยิงผู้ตาย โจทก์ร่วมและนายณรงค์สังฆะโร เบิกความว่า เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2541 พันตำรวจตรีคณิต รัตนมณี พนักงานสอบสวนได้ให้โจทก์ร่วมและนายณรงค์พบกับจำเลยที่ 1 ในห้องทำงานซึ่งมีบุคคลอื่น ๆอยู่ด้วย นายณรงค์ถามจำเลยที่ 1 ว่าเหตุใดจึงทำกันอย่างนี้ จำเลยที่ 1 ได้ร้องไห้พร้อมกับยกมือไหว้และพูดว่าผมผิดไปแล้วที่ทำไปเพราะเมาและขัดใจเพื่อนไม่ได้ เมื่อสอบถามถึงสาเหตุที่ต้องยิงผู้ตายก็ได้ความว่านายธนิตหรือแนบไม่พอใจเรื่องทาสีบ้าน ส่วนนายชูไม่พอใจเรื่องการสมัครรับเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านดังกล่าว โจทก์ร่วมเบิกความตอบคำถามค้านของจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 1 ได้เล่าให้ฟังอีกว่า ก่อนจะไปยิงผู้ตายนั้น จำเลยที่ 1 ที่ 2และนายธนิตหรือแนบได้ดื่มสุรากันที่บ้านของจำเลยที่ 2 หลังจากดื่มสุราเมาเต็มที่แล้วจำเลยที่ 2 จึงพูดว่าไปยิงผู้ตายดีกว่า พันตำรวจโทคณิต รัตนมณี พนักงานสอบสวนพยานโจทก์และโจทก์ร่วมก็เบิกความยืนยันว่า ได้ไปตรวจสถานที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 1 ปลอก ตกอยู่ที่ริมรั้วหน้าบ้านของผู้ตาย ต่อมาวันที่ 14 ธันวาคม 2541 จึงจับจำเลยที่ 1 ได้ จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ทั้งนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ ตามบันทึกคำให้การ บันทึกการนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำสารภาพ และภาพถ่าย หมาย จ.16 ถึง จ.18 ซึ่งบันทึกคำให้การเอกสารหมาย จ.16มีรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำความผิดสอดคล้องกับที่จำเลยที่ 1 เล่าให้โจทก์ร่วมและนายณรงค์ฟัง ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 และนายธนิตหรือแนบร่วมกันฆ่าผู้ตายเพราะมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตาย ส่วนจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยเพราะเมาสุราโดยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายแต่อย่างใดอย่างไรก็ตาม การฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนนี้ หมายความว่าก่อนทำการฆ่าผู้กระทำผิดได้คิดไตร่ตรองทบทวนแล้วจึงตกลงใจกระทำความผิด ไม่ใช่กระทำไปโดยปัจจุบันทันด่วนเพราะเมาสุรา หรือบันดาลโทสะ การไตร่ตรองไว้ก่อนเป็นเหตุเกี่ยวกับเจตนาส่วนตัวของผู้กระทำผิด ผู้ร่วมกระทำผิดที่มิได้ไตร่ตรองไว้ก่อนไม่มีความผิดด้วยเพราะกฎหมายมุ่งถึงการไตร่ตรองไว้ก่อนซึ่งเป็นสภาพจิตใจของแต่ละคน การจะเป็นตัวการร่วมกันฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจึงต้องมีลักษณะเป็นการวางแผนการคบคิดกันมาแต่ต้นที่จะไปฆ่าผู้อื่นหรือด้วยการใช้จ้างวาน หรือไปดักฆ่าผู้อื่นโดยมีพฤติการณ์ร่วมกันมาแต่ต้น แต่สำหรับคดีนี้จำเลยที่ 1ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายมาก่อน และเป็นญาติพี่น้องกับผู้ตาย ทั้งปรากฏจากคำเบิกความของจำเลยที่ 1 และคำให้การชั้นสอบสวนว่าก่อนเกิดเหตุได้มีการดื่มสุรากันโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมวางแผนกับจำเลยที่ 2 และนายธนิตหรือแนบมาก่อนการที่จำเลยที่ 1 ร่วมไปฆ่าผู้ตายจึงเป็นการตัดสินใจในทันทีทันใดลักษณะตกกระไดพลอยโจนมากกว่า ดังนี้ จำเลยที่ 1 คงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 เท่านั้น ไม่เป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9 ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังขึ้น"
พิพากษากลับให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ผู้พิพากษา
ประพันธ์ ทรัพย์แสง
ดลจรัส รัตนโศภิต
จิระวรรณ ศิริบุตร

Visitor Statistics
» 1 Online
» 55 Today
» 56 Yesterday
» 210 Week
» 393 Month
» 2158 Year
» 69139 Total
Record: 15081 (20.04.2022)
Free PHP counter