คลังข้อสอบเก่า เนติบัณฑิต

(อาญา สมัยที่ 57)

 

การสอบข้อเขียนความรู้ชั้นเนติบัณฑิต ภาคหนึ่ง สมัยที่ 57 ปีการศึกษา 2547
กฎหมายอาญา กฎหมายภาษีอากร กฎหมายแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน
กฎหมายรัฐธรรมนูญ และกฎหมายปกครอง

วันอาทิตย์ 3 ตุลาคม 2547

คำถาม 10 ข้อ ให้เวลาตอบ 4 ชั่วโมง (14.00 น. ถึง 18.00 น.) ให้ยกเหตุผลประกอบคำตอบด้วย

 


ข้อ 6.  คุณยังไม่ได้เข้าสู่ระบบ

ธงคำตอบ

คุณยังไม่ได้เข้าสู่ระบบ

คำอธิบาย

...

คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง


คำพิพากษาศาลฎีกาที่ : 4066/2545
การที่จำเลยที่ 1 เปลือยกายถืออาวุธมีดเข้าไปหาผู้เสียหายที่ 1 ซึ่งนอนอยู่บนเตียงภายในห้องนอนของผู้เสียหายที่ 1 พอดีผู้เสียหายที่ 1 รู้สึกตัวลืมตาขึ้นมาเห็นจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 พูดขู่มิให้ร้อง ผู้เสียหายที่ 1 ร้องกรี๊ดสุดเสียง จำเลยที่ 1 จึงชกปากผู้เสียหายที่ 1 และเอามือซ้ายยัดเข้าไปในปากของผู้เสียหายที่ 1 ผู้เสียหายที่ 1 จึงกัดนิ้วของจำเลยที่ 1 และดิ้นจนตกจากเตียงนอน ระหว่างนั้นผู้เสียหายที่ 1 ถูกอาวุธมีดของจำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 1 ถือมาบาดที่ข้อมือซ้าย ถือว่าจำเลยที่ 1 กระทำการอันไม่สมควรทางเพศแก่ผู้เสียหายที่ 1 โดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย และใช้กำลังประทุษร้ายแล้ว จึงเป็นความผิดฐานกระทำอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 และเป็นการบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้อื่นโดยไม่มีเหตุอันควรในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธและใช้กำลังประทุษร้าย อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 (1) (2) (3) ประกอบมาตรา 364 หลังจากนั้นเมื่อผู้เสียหายที่ 3 เข้ามาในห้องนอนของผู้เสียหายที่ 1 ก็ถูกจำเลยที่ 1 ทำร้าย และหยิบเอากระเป๋าที่มีอาวุธปืนของผู้เสียหายที่ 2 เก็บไว้ ซึ่งผู้เสียหายที่ 3 นำมาด้วย และตกอยู่ที่พื้นไป ก่อนจะหลบหนี จำเลยที่ 1 วิ่งชนผู้เสียหายที่ 3 และยังใช้มีดฟันผู้เสียหายที่ 3 ได้รับบาดเจ็บ จึงเป็นการลักอาวุธปืนของผู้เสียหายที่ 2 ไปโดยทุจริต โดยใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อสะดวกในการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุมและเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย จึงเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสาม

คำพิพากษาย่อยาว
คดีนี้เดิมศาลชั้นต้นสั่งให้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกันกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 14746/2542 ของศาลชั้นต้น โดยให้เรียกจำเลยสำนวนนี้ว่าจำเลยที่ 1 และเรียกจำเลยในคดีดังกล่าวว่าจำเลยที่ 2 แต่คดีสำหรับจำเลยที่ 2 ยุติแล้ว ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คงขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะสำนวนนี้
โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278, 295, 339, 364, 365, 86, 90, 91
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278, 339 วรรคสาม, 365 (1) (2) และ (3) ประกอบมาตรา 364 การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานบุกรุกในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธโดยใช้กำลังประทุษร้ายและกระทำอนาจารโดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานกระทำอนาจารโดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 อันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 ปี ฐานชิงทรัพย์ เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย จำคุก 14 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 20 ปี จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278, 365 (1) (2) (3) ประกอบมาตรา 364, 86 การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นการกระทำกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานสนับสนุนการกระทำอนาจารโดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 ประกอบมาตรา 86 อันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 4 ปี ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 1 กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มี ผู้เสียหายที่ 1 และที่ 3 เป็นประจักษ์พยานเบิกความว่า เหตุเกิดเวลาประมาณ 2 นาฬิกา คนร้ายที่ก่อเหตุคือจำเลยที่ 1 โดยผู้เสียหายที่ 1 เริ่มเห็นคนร้ายตั้งแต่ขณะที่ผู้เสียหายที่ 1 ยังนอนไม่หลับและรู้สึกว่ามีคนมายืนอยู่ปลายเท้าชิดเตียงนอนแล้วเดินขึ้นมาถึงบริเวณไหล่ของผู้เสียหายที่ 1 เมื่อผู้เสียหายที่ 1 ลืมตาขึ้นก็เห็นชายคนหนึ่งไม่สวมเสื้อ ผมหยิกฟู จมูกโด่งเหมือนแขก มีผ้ายืดสีขาวคาดอยู่ที่บริเวณปากและพูดขู่มิให้ร้องโดยพูดว่าอย่าร้องนะ ผู้เสียหายที่ 1 ร้องกรี๊ดสุดเสียง จึงถูกคนร้ายชกที่ปากและเอามือข้างซ้าย 4 นิ้ว ยัดเข้าไปในปากผู้เสียหายที่ 1 เพื่อกดลิ้นมิให้ผู้เสียหายที่ 1 ร้องได้ ผู้เสียหายที่ 1 กัดนิ้วของคนร้ายและดิ้นจนตกเตียงนอนก็ถูกอาวุธมีดของคนร้ายที่ถือมาบาดที่ข้อมือซ้าย จากนั้นผู้เสียหายที่ 3 ก็เข้าไปช่วยผู้เสียหายที่ 1 ทำให้ผู้เสียหายที่ 1 วิ่งหนีลงไปที่ห้องโถงได้ ในคืนเดียวกันหลังเกิดเหตุ ผู้เสียหายที่ 1 ได้ระบุยืนยันกับเจ้าพนักงานตำรวจว่าจำเลยที่ 1 คือคนร้าย ต่อมาในวันที่ 26 เดือนเดียวกันเจ้าพนักงานตำรวจจัดให้ชี้ตัวคนร้าย ผู้เสียหายที่ 1 ก็ชี้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นคนร้าย ส่วนผู้เสียหายที่ 3 เบิกความว่าเมื่อได้ยินเสียงผู้เสียหายที่ 1 ร้อง ก็รีบออกจากห้องนอนพร้อมหยิบกระเป๋าที่มีอาวุธปืนของผู้เสียหายที่ 2 เก็บไว้ไปยังห้องนอนของผู้เสียหายที่ 1 ครั้นเปิดประตูห้องนอนของผู้เสียหายที่ 1 ได้ และเข้าไป ก็พบชายคนร้ายเปลือยกายกำลังทำร้ายผู้เสียหายที่ 1 คนร้ายหันหน้ามาทางผู้เสียหายที่ 3 และวิ่งสวนผู้เสียหายที่ 3 กระเป๋าที่มีอาวุธปืนเก็บไว้ตกลงไปอยู่ที่พื้นห้องนอนของผู้เสียหายที่ 1 จากนั้นได้เกิดต่อสู้กันขึ้น โดยผู้เสียหายที่ 3 พยายามใช้มือดึงอวัยวะเพศของคนร้าย จึงได้เห็นบริเวณเหนือข้อเท้าด้านหลังขวาของคนร้ายมีรอยด่าง แต่ผู้เสียหายที่ 3 ก็ถูกคนร้ายใช้อาวุธมีดฟันถูกที่ บริเวณมือขวา ระหว่างต่อสู้กันผ้าที่คนร้ายคาดไว้ที่ปากได้หลุดออก ผู้เสียหายที่ 3 เห็นหน้าคนร้ายได้ชัดเจน เห็นว่า จากพยานหลักฐานโจทก์ที่ปรากฏ ผู้เสียหายที่ 1 และที่ 3 เป็นสตรี มีวุฒิภาวะและสถานะทางสังคมที่ดี เนื่องจากประกอบวิชาชีพเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ ไม่เคยรู้จักกับจำเลยที่ 1 มาก่อน ย่อมไม่มีเหตุผลใดที่จะรับฟังว่าปรักปรำใส่ร้ายจำเลยที่ 1 และสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผู้เสียหายที่ 1 และที่ 3 ก็มีช่วงเวลาเผชิญหน้ากับคนร้ายนานพอควร โดยเฉพาะผู้เสียหายที่ 3 ได้ต่อสู้โดยพยายยามดึงอวัยวะเพศของคนร้ายซึ่งเป็นจุดอ่อนของเพศชายเนื่องจากคนร้ายเปลือยกาย ภายในห้องนอนของผู้เสียหายที่ 1 ก็มีแสงไฟสปอทไลท์ซึ่งติดอยู่หน้าบ้านใกล้กับหน้าต่างห้องนอนของผู้เสียหายที่ 1 ซึ่งมีม่านบาง ๆ ส่องให้ภายในห้องนอนสว่างอยู่บ้าง กับแสงไฟฟ้าภายในห้องน้ำที่ผู้เสียหายที่ 3 เปิดตามไฟไว้ ซึ่งเป็นบริเวณที่ผู้เสียหายที่ 3 ต่อสู้กับคนร้าย ประกอบกับที่บริเวณเหนือข้อเท้าด้านหลังขวาของจำเลยที่ 1 ก็มีรอยด่างเป็นทำนองเดียวกับที่ผู้เสียหายที่ 3 เบิกความ ปรากฏต่อศาลตามที่ศาลชั้นต้นได้บันทึกไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 13 มีนาคม 2541 ดังนี้ เมื่อพิเคราะห์รวมไปถึงพฤติการณ์อันเป็นพิรุธของจำเลยที่ 2 และการที่คนร้ายเข้าไปภายในบ้านของผู้เสียหายทั้งสามได้โดยง่าย ย่อมมีเหตุผลให้รับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยที่ 1 คือคนร้ายที่ก่อเหตุคดีนี้ พยานจำเลยที่ 1 ที่นำสืบอ้างฐานที่อยู่ล้วนเป็นเครือญาติหรือเพื่อนบ้านกับจำเลยที่ 1 มีข้อน่าระแวงสงสัยว่าเบิกความเพื่อช่วยเหลือจำเลยที่ 1 จึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอรับฟังหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ พฤติการณ์ดังกล่าวที่จำเลยที่ 1 เปลือยกายถืออาวุธมีดเข้าไปหาผู้เสียหายที่ 1 ซึ่งนอนอยู่บนเตียงนอนในห้องนอนของผู้เสียหายที่ 1 ในเวลากลางคืน พอดีผู้เสียหายที่ 1 รู้สึกตัวลืมตาขึ้นมาเห็นจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 พูดขู่มิให้ร้อง ผู้เสียหายที่ 1 ร้องกรี๊ดสุดเสียง จำเลยที่ 1 จึงชกปากผู้เสียหายที่ 1 และเอามือซ้ายยัดเข้าไปในปากผู้เสียหายที่ 1 ผู้เสียหายที่ 1 จึงกัดนิ้วของจำเลยที่ 1 และดิ้นจนตกจากเตียงนอน และระหว่างนั้นผู้เสียหายที่ 1 ถูกอาวุธมีดของจำเลยที่ 1 ที่ถือมาบาดที่ข้อมือซ้าย ถือว่าจำเลยที่ 1 กระทำการอันไม่สมควรทางเพศแก่ผู้เสียหายที่ 1 โดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายและได้ใช้กำลังประทุษร้ายแล้ว จึงเป็นความผิดฐานกระทำอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 และเป็นการบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้อื่นโดยไม่มีเหตุอันควรในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธและใช้กำลังประทุษร้ายอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 (1) (2) และ (3) ประกอบมาตรา 364 หลังจากนั้น เมื่อผู้เสียหายที่ 3 เข้ามาที่ห้องนอนของผู้เสียหายที่ 1 ก็ถูกจำเลยที่ 1 ทำร้าย และจำเลยที่ 1 หยิบกระเป๋าที่มีอาวุธปืนของผู้เสียหายที่ 2 เก็บไว้ ซึ่งผู้เสียหายที่ 3 นำมาด้วย และตกอยู่ที่พื้นไป ก่อนจะหลบหนี จำเลยที่ 1 วิ่งชนผู้เสียหายที่ 3 และยังใช้อาวุธมีดฟันผู้เสียหายที่ 3 ได้รับบาดเจ็บจึงเป็นการลักอาวุธปืนของผู้เสียหายที่ 2 ไปโดยทุจริตโดยใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อสะดวกในการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุมและเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย อันเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสาม จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดตามฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 1 ฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบานั้น เห็นว่า ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจกำหนดโทษจำเลยที่ 1 เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ต้องกันมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

ผู้พิพากษา
สมชาย จุลนิติ์
ดวงมาลย์ ศิลปอาชา
ชวลิต ตุลยสิงห์

Visitor Statistics
» 1 Online
» 10 Today
» 39 Yesterday
» 90 Week
» 10 Month
» 1775 Year
» 68756 Total
Record: 15081 (20.04.2022)
Free PHP counter